ทำไมจึงต้องใช้ระบบสารสนเทศ

                โลก ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจ ได้มีการนำระบบสารสนเทศ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และระบบเครือข่ายระหว่างประเทศเข้ามาประสานการทำงานร่วมกับการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของสภาพแวดล้อมการแข่งขันในการดำเนิน ธุรกิจกระแสโลกาภิวัฒน์ ที่ได้เปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ คือ ในประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ๆ มีการใช้ความรู้มากขึ้น ความรู้และข่าวสารกลายเป็นรากฐานที่สำคัญของผลิตภัณฑ์และการบริการใหม่ๆ  และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร คือองค์กรระบบใหม่จะลดลำดับชั้นของผู้บริหารให้น้อยลง เพื่อกระจายความรับผิดชอบการสั่งงานไปตามส่วนต่างๆได้มากขึ้น  มีการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและกำหนดกลุ่มรับผิดชอบที่เหมาะสมกับ สถานการณ์ในขณะนั้น ปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า 


            องค์กรดิจิตอลแตกต่างจากองค์กรแบบเดิมคือ มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้อย่างกว้างขวางเรียกว่าเป็นเครื่องมือ หลักในการบริหารงานเลยก็ว่าได้

              ระบบสารสนเทศ (Information System) หมายถึง กลุ่มของระบบงานที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์หรือตัวอุปกรณ์ และซอฟแวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และแจกจ่ายข้อมูลข่าวสารเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการควบคุมภายในองค์กร นอกจากนี้ยังช่วยบุคลากรในองค์กรนั้นในการประสานงาน การวิเคราะห์ปัญหา การสร้างแบบจำลองวัตถุที่มีความซับซ้อน และการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ 

เหตุใดระบบสารสนเทศจึงมีความสำคัญ

ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ได้เริ่มมองเห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องมีระบบสารสนเทศที่ถูกต้องและ รวดเร็วแม่นยำ เพื่อประโยชน์ในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน จึงมีการตั้งเป้าหมายของระบบสารสนเทศเพื่อประโยชน์ดังนี้
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Effectiveness)
เพิ่มผลผลิต (Productive)
เพิ่มคุณภาพในการบริการลูกค้า (Quality)
ผลิตสินค้าใหม่และขยายผลิตภัณฑ์ (New Product and increase product)
ถ้าจะกล่าวถึงระบบสารสนเทศ กับองค์การมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรก็บอกได้เลยว่าระบบสารสนเทศนี้ถือได้ว่าเป็นระบบหนึ่งซึ่งมีความสำคัญต่อการบริหารองค์การ เพราะระบบสารสนเทศดีจะช่วยให้การเก็บรวบรวมข้อมูลการจัดทำสารสนเทศ การรับและส่งต่อข้อมูล และสารสนเทศทั้งภายในและภายนอกองค์การด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ดำเนินการเชื่อมโยงอย่างมีระบบ ซึ่งโดยทั่วไปในองค์การจะจัดแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

ระบบสารสนเทศกับการจัดการระดับสูง (Top management)
ในเรื่องการกำหนดแผนแม่บท และแผนกลยุทธ์ในระยะยาวขององค์การไปปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงแผนการเงินขององค์การอาจกล่าวได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างความสำเร็จหรือความสำเร็จหรือความล้มเหลวขององค์การ เลยที่เดียว

ระบบสารสนเทศกับการจัดการระดับกลาง ซึ่งลักษณะของสารสนเทศที่ผู้บริหารระดับกลางต้องการก็จะมีความละเอียดมากกว่าผู้บริหารระดับสูงที่ต้องการเพียงข้อสรุปและลักษณะของการตัดสินใจก็มีแบบแผนในบางส่วน ส่งผลทำให้ทุกหน่วยงานมีการประสานข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจและ ตอบสนองต่อวัตถุประสงค์และเป้าหมายในระดับสูงต่อไป

ระบบสารสนเทศกับการจัดการระดับต้น เนื่องจากการบริหารงานประจำวันมีลักษณะที่มีรูปที่แน่นอน มีการกำหนดขั้นตอน วิธีการทำงาน ระเบียบต่าง ๆ ลักษณะการตัดสินใจจึงมีแบบแผนที่แน่นอนและชัดเจน มีลักษณะเฉพาะเรื่อง มีรายละเอียดมาก และ ลึกเฉพาะด้าน การที่มีระบบสารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนต่อการจัดการในระดับต้นจะช่วยให้การทำงานในระดับล่างเกิดความคล่องตัว ยังช่วยให้ผู้บริหารระดับต้นสามารถใช้สารสนเทศที่มีอยู่ในการตัดสินใจและวางแผนในระยะสั้นได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพอีกด้วย

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทางธุรกิจ

การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยอาศัยบริการ EDI และ E-mail ซึ่งเป็นบริการที่อาศัยระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ข้อดีของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ได้แก่ การซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนต่างๆ สามารถซื้อสินค้าได้ตลอดเวลาที่ต้องการ และสามารถซื้อสินค้าได้ทุกทีไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน 

การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์( Electronic Data Interchange : EDI)  การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ คือ การสื่อสารข้อมูลในรูปแบบมาตรฐานหรือรูปแบบที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้แลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อนำไปดำเนินการทางธุรกิจ โดยส่งผ่านเครือข่ายสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ ดาวเทียม เป็นต้น การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีประโยชน์อย่างมากในการทำการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะช่วยลดค่าใช้จ่าย ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และช่วยลดงานด้านเอกสาร   

ระบบสารสนเทศในมุมมองของธุรกิจ

การที่องค์กรธุรกิจจะนำระบบสารสนเทศเข้ามาใช้ นอกจากจะต้องทำความเข้าใจในตัวระบบสารสนเทศแล้ว ยังต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบจากระบบสารสนเทศด้วย อันได้แก่ องค์กร (Organization) การบริหารจัดการ (Management) และเทคโนโลยี (Technology)